ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ ออกมาระบุมีขยะพลาสติกประมาณปีละ 2 ล้านตัน สามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์เพียงปีละ 0.5 ล้านตัน ที่เหลืออีก 1.5 ล้านตัน เป็นพวกเศษขยะถุงพลาสติกที่ปนเปื้อน
ยิ่งไปกว่านั้นในแต่ละปีประเทศไทยมีการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว 45,000 ล้านใบต่อปี โฟมบรรจุอาหาร 6,758 ล้านใบต่อปี และแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว 9,750 ล้านใบ ถือเป็นขยะพลาสติก สร้างมลพิษสิ่งแวดล้อมให้กับสังคม เข้าห้างซื้อของปกติ
ที่ผ่านมามีความพยายามจากทุกภาคส่วนในการลดใช้พลาสติก และถือโอกาสวันที่ 4 ธ.ค. เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย รณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “ทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม” เพื่อรณรงค์ร่วมกันทำความดี สร้างความยั่งยืน ในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกและโฟม ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศในเวลานี้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมออกบูธแจกถุงผ้าให้กับผู้มาร่วมงานในวันสิ่งแวดล้อมไทย รวมทั้งแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กล่องกระดาษที่ผลิตจากเยื่อพืชธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้เอง มาทดแทนการใช้กล่องโฟม รวมถึงการใช้ปิ่นโตในการใส่อาหาร โดยมีผู้สนใจร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง พร้อมลงนามความร่วมมือกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ จัดแคมเปญรณรงค์งดการให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วในห้างร้านของตน โดยดีเดย์เริ่มต้นพร้อมกันใน “วันสิ่งแวดล้อมไทย” วันที่ 4 ธ.ค.นี้ ก่อนที่แต่ละห้างร้านจะไปจัดแคมเปญ เช่น กำหนดวันงดให้บริการถุงพลาสติก หรืออื่นๆ เพื่อร่วมลดปริมาณขยะถุงพลาสติก และอีกกิจกรรมที่สำคัญ คือ การรับบริจาคถุงผ้าใส่ยากลับบ้าน โดยประชาชนสามารถนำถุงผ้าที่มีมากเกินความจำเป็นมาบริจาคได้ ณ จุดรับบริจาคในห้าง
ทั้งนี้จากการสำรวจตามห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ พบว่ายังคงใช้ถุงพลาสติก เนื่องจากประชาชนไม่ทราบถึงแคมเปญรณรงค์งดการให้บริการถุงพลาสติก คาดว่าขาดการประชาสัมพันธ์ อีกทั้งในกรณีลูกค้าซื้อของร้อนที่ออกจากไมโครเวฟ ทางร้านสะดวกซื้อยังต้องใช้ถุงพลาสติก อย่างไรก็ตามหลังจากนี้น่าจะได้รับความร่วมมือมากขึ้นจากประชาชนในการนำถุงผ้ามาใช้ใส่สินค้า.